วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ดอยอ่างขาง ดอยวาวี ดอยช้าง

จากอ่างขางตอนนั้นอากาศ 5 องศา กางเต้นอย่างสนุกสนาน คุณกงนึกถึงความหลังยามทำงานอยู่บนดอย บอกว่าที่นี่เปลี่ยนไปเยอะสะดวกขึ้น ตลาดก็พัฒนา เด็ก ๆ ได้ลองชิม "ข้าวปุก" ที่ทำจากข้าวเหนียวดำ ทางเหนือเรียก "ข้าวก่ำ" นึ่งสุกแล้วตำจนเหนียว ห่อใบตองตึง แล้วนำไปย่าง มี topping ทำจาก งากลมคั่วเคี่ยวกับน้ำอ้อยหอมหวานเชียว เป็นอาหารว่างของชาวเขายามหน้าหนาว อร่อยมาก นอนอ่างขางคืนหนึ่งจึงลงมาอาบน้ำร้อนที่น้ำพุร้อนก่อนลาอ่างขางไปดอยวาวี โดยทางขึ้นทางฝาง ทางสุดยอดหฤโหด เพราะกำลังคราดดินจากภูเขาลงมา ทั้งชัน แคบ และฝุ่นโขมง เด็ก ๆ ตอนแรกก็ลุ้นจนกระทั่งเมารถ ผลอยหลับจนถึงตัวอำเภอวาวี ใกล้ค่ำแล้วกะว่าจะนอนที่นั่น แต่จุดกางเต้นท์ไปอีกทาง คุณกงเสนอว่าไปดอยช้าง หนุ่มน้อยขานตอบทันที คุณพ่อคนขับเริ่มเมื่อย แต่ก็ควานทางไปถึงดอยช้างที่ชันมากส่วนใหญ่ราว ๆ 60 องศา เส้นทางแคบ บรรยากาศมืด เงียบ แต่ที่สำคัญเป็นครั้งแรกของคนขับด้วยอีกต่างหาก พอถึงจุดกางเต้นท์ในบริเวณพื้นที่สำนักงานเกษตรอากาศดีมาก แต่อาบน้ำบ่ได้ หนาวขนาด ที่ดอยช้างอุณภูมิตอนเช้าไม่หนาวเท่าไร 10 องศา ได้เพื่อนร่วมทางมาหลายสิบคน และได้รู้จักบ้านอีก 1 ครอบครัว การไปกางเต้นท์บนดอย เจ้าเด็กจำไมได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า และพื้นหญ้า การลอยขึ้นของหมอกและควัน ลักษณะน้ำที่เดือดบนดอย การกลั่นตัวของหมอก วัดอุณหภูมิบนยอดหญ้า ชีวิตลูกสน ลักษณะของสน ข้อดีของหน้าหนาว (ประหยัดน้ำ เพราะไม่ต้องอาบ555) เผามันจนเป็นเถ้า กินเท่าที่มี วิถีชีวิตของผู้คนเมืองกับชาวเขาที่ทั้งเหมือนและแตกต่าง ความแห้งแล้งที่สวยงาม เพื่อนตัวน้อยบนดอย การแบ่งปัน รู้จักวิถีชีวิตคนบนดอย พืชพันธุ์ที่ปลูก ลักษณะเมล็ดกาแฟดิบ กี่งดิบกึ่งสุก สุก คั่วพร้อมบด กาแฟคั่วบด ฯลฯ ทุกสิ่งสังเกตและสัมผัสได้จากความรู้สึก เด็ก ๆ ร้องเพลงของคุณจรัญ มโนเพ็ช "บางคนกิ๋นขนมปัง บางคนยังกิ๋นข้าวสาลี...." "บ้านบนดอยบ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีน้ำประชา..." และสารพัดเพลงที่พรั่งพรู ทำให้แม่เรียนรู้ว่าเด็กน้อยคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือเด็กน้อย แม่รักพวกหนูจัง (แต่ที่แน่ ๆ เด็ก ๆ เอากาแฟบนดอยมาปลูกได้ 2 วัน แต่ไม่สามารถอยู่รดน้ำทุกวันได้ เพราะต้องกลับกรุงเทพฯ ทำหน้าจ๋อยไปเลย เพราะคุณกงคงไมมีเวลามารดน้ำต้นไม้ให้ทุกวันแน่ แต่ก็รู้จักปลอบใจตัวเองนะว่ายังมีเมล็ดพันธุ์เหลืออยู่ มีความมุ่งมั่นว่า "สักวันจะปลูกต้นไม้ให้เต็มเมืองเลย คอยดู")

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น