วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ณ เมืองกาญจน์

ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2552 น้องเฟรนด์กับคุณแม่ตามพี่ฟลู๊คกับคุณพ่อไปช่วงกีฬาเยาวชนที่เมืองกาญจน์ ถือโอกาสไปเที่ยวที่ทางรถไฟสายมรณะ ไปพิพิธภัณฑ์ (อี๋ย...ย น่ากลัวจัง) เห็นของแปลก ๆ เยอะเลยค่ะ เด็ก ๆ ชอบปืนและรถโบราณ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นไอศครีมปากทางเข้าน่ะค่ะ สิ่งที่ได้เรียนรู้ตอนที่ไปคือความเก่าแก่ ความพยายามในการเก็บรักษา ความพยามก้าวข้ามอุปสรรคของเชลย การกดขี่ข่มเหงความเป็นมนุษย์ แม้กระทั่งความตายที่เป็นเรื่องธรรมดา
เด็ก ๆ ถามว่า "คนที่เป็นเชลยยังมีอยู่ไหมครับ"
คุณพ่อเข้าใจว่ายังมีเชลยรอดชีวิตอยู่หรือเปล่า เลยตอบว่า "น่าจะมีแต่ป่านนี้คงแก่มาก ๆ หรือไม่ก็เป็นปุ๋ยไปแล้วมั๊ง"
พี่ฟลู๊คยิ้มแล้วบอกว่า "ถ้าเขายังอยู่พี่ฟลู๊คอยากคุยด้วยจัง"
สาวน้อยก็ถามต่อว่า "งั้นลูกหลานเขาก็มีนะสิคะ"
"ใช่" แม่ตอบ
พี่ฟลู๊คพูดสวนกลับทันทีว่า "แสดงว่าคนเมืองกาญจน์เป็นลูกครึ่งกันเยอะแน่ ๆ เลย เพราะมีตั้งหลายเชื้อชาติแน่ะ"(ถามแบบยิ้มอย่างมีเลศนัย)
แม่ก็ถามว่า "ทำไมคิดอย่างนั้น"
หนุ่มน้อยก็ตอบว่า "ก็สมัยก่อนทั้งทหาร ทั้งเชลยส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง และคนที่นี่ตัวใหญ่ เออ..แต่ทำไม่ดำจัง"
คุณแม่บอกว่า "อากาศที่นี่เป็นอย่างไร" เด็ก ๆ จึงร้อง "อ๋อ...สีเหมือนหนูเลย"
พี่ฟลู๊คถามต่อว่า "คุณกงเป็นคนจีนใช่ไหมฮะ" แม่บอกว่า "ลูกครึ่งกงต้าวจีน 100% อาม่า 75%"
"งั้นคุณกงก็เอา 175 หาร 2 ก็ได้ 80 กว่าเปอร์เซนต์ คุณยายไม่มีเชื้อจีนใช่ไหมฮะ (แม่ตอบใช่) งั้นคุณแม่หารอีกครึ่งก็ได้ 40 กว่าเปอร์เซนต์ เหลือมาถึงพี่ฟลู๊คก็ 20 กว่าเปอร์เซนต์ นะสิ เย้! พี่ฟลู๊คกับน้องเฟรนด์ก็มีเชื้อเหมือนกันนะเนี่ย" (สาวน้อยยิ้ม)
คุณแม่ถามว่า "มีเชื้อโรคเหรอครับ" หนุ่มน้อยตอบทันควัน "ไม่ใช่ครับ เชื้อสายจีน"
แม่ก็บอกว่า "อ๋อ งั้นถ้ามีเชื้อสายจีนก็น่าจะรู้ว่าคนจีนเขารู้สึกอย่างไร ตอนคุณแม่เล็ก ๆ คุณลุงเคยสอนภาษาจีนบ้าง แต่แม่ไม่ได้ใช้ลืมหมดแล้ว ถ้างั้นเรามาเรียนรู้ภาษาจีนด้วยกันมั๊ย จะได้สื่อสารกับคนจีนรู้เรื่อง แต่แม่สมองแก่แล้วสู้ลูกไม่ได้ ถ้าเรียนแล้วต้องช่วยสอนแม่นะ ทบทวนให้แม่ด้วยดีมั๊ย"
หนุ่มน้อยกับสาวน้อยตอบ "O.K. ค่ะ/ครับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น